เคราฟิว เคราตินทรีทเม้นต์เข้มข้น
27 Jun 2017
เคราตินคืออะไร/keratin

เคราตินก็คือคอลลาเจนนั่นเอง มีโครงสร้างประกอบจากโปรตีนเส้นใยและเป็นส่วนประกอบหลักของชั้นผิวหนัง ทำหน้าที่เป็นตัวประสานเนื้อเยื่อของผิวหนังเข้าด้วยกัน โปรตีนชนิดนี้เป็นส่วนประกอบหลักของเส้นผมถึงร้อยละ 90 รองลงมาคือเส้นขนและเล็บมีเพียงร้อยละ 2 เท่านั้นที่ปะปนอยู่ในเซลล์กล้ามเนื้อ ได้แก่ บริเวณผนังหลอดเลือด เนื้อเยื่อกระจกตาและเลนส์ตา คุณสมบัติของเคราตินคือสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้กับชั้นเซลล์ผิว หนังและเป็นแหล่ะความชุ่มชื้นของเส้นผม เส้นขนและเล็บ รวมถึงเป็นแหล่งะอาหารที่ช่วยให้เซลล์ต่างๆ เจริญเติบโตได้ปกติด้วย
เพราะเคราตินเป็นสารอาหารหลักของกระบวนการงอกใหม่ของเส้นผม เส้นขน เล็บรวมถึงเซลล์ผิวหนังและเป็นสิ่งที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ไว้ใช้งานได้ เอง โดยการแปรสภาพสารอาหารจากแหล่งอาหารต่างๆ ที่เราบริโภคในแต่ละวันให้อยู่ในรูปของโมเลกุลขนาดเล็ก เพื่อการดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด อย่างไรก็ตามเคราตินถือว่าเป็นไฟเบอร์ที่สามารถละลายน้ำได้ โดยเฉพาะเคราตินธรรมชาติในเส้นผมที่เป็นอวัยวะสัมผัสกับมลภาวะมากพอๆ กับผิวหนัง และเป็นอวัยวะที่ถูกทำร้ายอยู่บ่อยครั้งจากพฤติกรรมเสริมความงามของเรา เช่น ทำสีผม ดัด/ยืดผม รวมถึงการมัดผมเป็นเวลานานๆ ปัจจัยเหล่านี้เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เคราตินธรรมชาติละลายหายไป พร้อมความร้อนสารเคมีและการปิดกั้นการไหลเวียนเลือดเป็นบริเวณรากผม ซึ่งเมื่อเคราตินในเส้นผมถูกทำลายไปจนหมด ผลก็คือเส้นผมจะมีสัมผัสที่หยาบกระด้างชี้ฟู ไม่สามารถแต่งเป็นทรงได้

โดยปกติเราจะมีเส้นผมบนหนังศรีษะประมาณ 100,000-150,000 เส้น แต่ละเส้นมีความหนาประมาณ 0.03 มิลลิเมตร
และงอกยาวขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 1.25 เซนติเมตร แต่ก็พร้อมจะหลุดร่วงประมาณวันละ 50-100 เส้นกันเลยทีเดียว
เส้นผมจะอยู่กับเราประมาณ 6-7 ปี หมายความว่าหากไม่ได้รับการปรนนิบัติที่ดีและเหมาะสมเส้นผมก็จะอยู่กับเรา แบบแห้งเสียไร้ซึ่งความเงางามเปล่งประกายนานพอสมควร หรือหากมีปัญหาแย่กว่านั้นก็อาจอายุสั้นเหลือเพียง 3-5 ปีเท่านั้น
ดังนั้นวิธีที่จะช่วยให้เส้นผมของคุณสวยได้ คือการฟื้นฟูและนำเคราตินคืนกลับสู่เส้นผมเท่านั้น
สัญญาณเตือนว่าร่างกายขาดเคราติน
หากร่างกายขาดแร่ธาตุชนิดนี้ ก็จะมีสัญญาณเตือน ดังนี้ ผมบางลง ผมร่วง เส้นผมชี้ฟูและผมขาดเส้นหรือถ้าหากบริเวณผิวหนังขาดเคราติน ก็จะแสดงอาการผิวแห้ง แตก ลอกเป็นขุยหรือถ้าเป็นบริเวณเล็บ เล็บก็จะเปราะหักง่ายฉีกเป็นชั้น เป็นต้น แม้ว่าเคราตินจะมีส่วนประกอบขึ้นจากโปรตีน ซึ่งมีความสำคัญในการเจริญเติบโตของเส้นผม ผิวหนังและเล็บก็ตาม ร่างกายเราก็ควรได้รับวิตามินอื่นๆ ด้วย เช่น วิตามินซี วิตามินบี กรดอะมิโนจำเป็น เป็นต้น

เคราฟิวเคราตินทรีทเม้นต์เป็นนวัตกรรมล่าสุดในการฟื้นบำรุงผมแห้งเสียอย่างล้ำลึกจากภายนอกสู่ภายใน ด้วยเทคโนโลยีล่าสุดที่มีส่วนผสมของสารสกัดเคราตินเข้มข้นถึง 3 เท่า โดยโปรตีนชนิดเดียวกับที่พบในเส้นผมตามธรรมชาตินี้จะทำหน้าที่ฟื้นฟูและซ่อมแซมให้เกล็ดผมปิดเรียบ จึงสามารถเสริมโครงสร้างของเส้นผมได้มากถึง 95% อีกทั้งยังลดการขาดหลุดร่วงของเส้นผมได้มากกว่า 95% อีกด้วย
ทั้งนี้นอกจากการใช้ผลิตภัณฑ์เคราฟิวเคราตินทรีทเม้นต์เข้มข้นที่มี ส่วนผสมของ “เคราติน” โปรตีนที่มีประโยชน์ต่อเส้นผมนี้แล้ว เส้นผมยังต้องการสารอาหารอีกมากมาย การเลือกรับประทานอาหารทีมีประโยชน์ต่อร่างกายจะช่วยส่งผลให้เส้นผมคุณสวย ได้ด้วย เป็นการบำรุงจากภายใน ซึ่งอาหาร 3 อย่างที่ควรรับประทานอย่างมากคือ
1.ไข่แดง อุดมไปด้วย Biotin หรือ Co-Enzyme R เมื่อทำงานร่วมกับวิตามินบีรวม จะช่วยให้เส้นผมเจริญเติบโตอย่างแข็งแรง ไม่ฉีกขาดง่าย
2.เนื้อปลาแซลมอลและทูน่า อุดมไปด้วย Omega-3 ช่วยบำรุงทั้งเส้นผมและหนังศรีษะ ป้องกันผมแห้งเสียและแตกหัก
3.หอยนางรมสดสะอาด อุดมไปด้วยวิตามินสังกะสี (Zinc Vitamin) ที่จะช่วยให้รากผมยึดแน่นและแข็งแรง เส้นผมไม่เปราะหรือหักง่าย
และการทานวิตามินและแร่ธาตุเสริมก็ ช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพในการดูแลเส้นผมได้อย่าง Beta Carotene 10,000 IU ช่วยให้ผมเงางามเป็นประกายยิ่งขึ้น, Vitamin B Complex 50-100 มิลลิกรัม จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม, Methylsulfonylmethane 1,000 มิลลิกรัม ช่วยให้ผมหนานุ่มแลดูเงางาม, L-Cysteine 1 กรัม ช่วยให้ผมที่แห้งเสียแลดูเงางามเป็นประกาย, Silica 500 มิลลิกรัม ช่วยให้ผมแลดูเงางามเป็นประกายและป้องกันผมร่วง
1.ไข่แดง อุดมไปด้วย Biotin หรือ Co-Enzyme R เมื่อทำงานร่วมกับวิตามินบีรวม จะช่วยให้เส้นผมเจริญเติบโตอย่างแข็งแรง ไม่ฉีกขาดง่าย
2.เนื้อปลาแซลมอลและทูน่า อุดมไปด้วย Omega-3 ช่วยบำรุงทั้งเส้นผมและหนังศรีษะ ป้องกันผมแห้งเสียและแตกหัก
3.หอยนางรมสดสะอาด อุดมไปด้วยวิตามินสังกะสี (Zinc Vitamin) ที่จะช่วยให้รากผมยึดแน่นและแข็งแรง เส้นผมไม่เปราะหรือหักง่าย
และการทานวิตามินและแร่ธาตุเสริมก็ ช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพในการดูแลเส้นผมได้อย่าง Beta Carotene 10,000 IU ช่วยให้ผมเงางามเป็นประกายยิ่งขึ้น, Vitamin B Complex 50-100 มิลลิกรัม จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม, Methylsulfonylmethane 1,000 มิลลิกรัม ช่วยให้ผมหนานุ่มแลดูเงางาม, L-Cysteine 1 กรัม ช่วยให้ผมที่แห้งเสียแลดูเงางามเป็นประกาย, Silica 500 มิลลิกรัม ช่วยให้ผมแลดูเงางามเป็นประกายและป้องกันผมร่วง
*ข้อควรระวังหลังจากทำเคราฟิวเคราตินทรีทเม้นต์
- ห้ามสระผม 3 วัน
- ควรใช้ผลิตภัณท์ แชมพู ครีมนวดผม เซรั่ม ของเคราฟิวเคราตินทรีทเม้นต์ต่อเนื่องเป็นเวลา 5 เดือน
- อย่าใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของโซเดี่ยม เพราะจะทำให้เคราตินหลุดออกหมด
- ห้ามว่ายน้ำทะเล สระน้ำคอลลีนและน้ำเกลือ เพราะจะทำให้เคราตินหลุดออกหมด
- ห้ามซาวน่า
- ถ้าจะทำเคมี เช่น ยืด ดัด สี ควรเว้นอย่างน้อย 2 อาทิตย์ไปแล้วและไม่ควรทำเคมีรุนแรงอีก
* ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเคราติน
- เคราตินไม่ใช่น้ำยายืดผม และไม่สามารถเปลี่ยนโครงสร้างของเส้นผมที่หยักโศกหรือหยิกให้เหยียดตรงได้ ถ้าผลิตภัณท์เคราตินยี่ห้อใหนที่สามารถทำให้เส้นผมตรงได้ แสดงว่าผลิตภัณท์เคราตินยี่ห้อนั้นมีส่วนผสมของสารฟอมาดีไฮด์ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เพราะสารฟอมาดีไฮด์หรือฟอมารีนจะเข้าไปตรึงลอคเส้นผมให้เหยียดตรงนั่นเอง
แต่เคราตินทรีทเม้นต์สามารถใช้ควบคู่กับการยืดผมได้ โดยใช้แทนน้ำยาโกรกยืดนั่นเอง ผลลัพธ์ที่ได้จะได้ผมเหยียดตรงที่มีความนุ่มสลวยเงางามมากกว่าการยืดผมปกติ

เคราฟิวเคราตินทรีทเม้นต์ ปลอดภัยเพราะผ่านมาตรฐานองค์การอาหารและยา
เลขที่จดแจ้ง: 10-2-5905718
www.facebook.com/kerafillkeratintreatment