B A

AMITY ARTICLE

หลักทฤษฎีการเปลี่ยนสีผมขั้นพื้นฐาน 03 Jul 2017



หลักทฤษฎีการเปลี่ยนสีผม

เคยบ้างมั้ย .... เวลาซื้อสีมากล่องนึง แล้วนำมาเปลี่ยนสีผม แต่ทำไมสีที่ออกมานั้นไม่เห็นเหมือนรูปข้างกล่องหรือชาร์จสีเลย....
นั่นเป็นเพราะเราไม่รู้หลักทฤษฎี พื้นฐานของการเปลี่ยนสีผมนั่นเอง
ฉนั้นก่อนที่คิดจะทำการเปลี่ยนสีผมนั้น จึงต้องเรียนรู้เกี่ยวกับทฤษฎีของการเปลี่ยนสีผมก่อน จึงจะทำสีผมออกมาได้ไกล้เคียงกับสีที่เราอยากได้มากที่สุด

สิ่งที่ควรรู้เป็นอันดับแรกสุดเลยของการทำสีผมก็คือ

* ระดับสีและประกายสีผม
  - ระดับสีผม ( Level ) หมายถึง ระดับความสว่างของสีผม
  - ประกายสีผม ( Shade ) หมายถึง สีนั้นๆเมื่อเวลาโดนแสง
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ......
สีกล่องนั้นควรทำบนพื้นผมระดับความสว่างเท่าไรและจะได้เฉดสีอะไรออกมาเมื่อทำเสร็จ....



 

ถ้าสังเกตุดู เราจะเห็นตัวเลขบนกล่องสี,บนหลอดสีหรือแม้กระทั่งบนชาร์จสี
นั่นก็คือรหัสสีที่โรงงานผู้ผลิตย์ครีมเปลี่ยนสีผมยี่ห้อนั้นๆ ต้องการจะให้เรารู้ว่าสีหลอดนั้นควรทำบนพื้นผมที่มีระดับความสว่างเท่าไรและมีเฉดหรือประกายสีอะไรผสมอยู่ในหลอดสีบ้าง
- ตัวเลขที่อยู่หน้าจุด . หรือ / หมายถึง ระดับความสว่างของพื้นสีผม เช่น 11.20 นั่นหมายถึงสีหลอดนั้นควรทำบนพื้นผมที่มีระดับความสว่าง 11



ระดับ 1 เรียกว่า สีดำ
ระดับ 2 เรียกว่า น้ำตาลเข้มจัด
ระดับ 3 เรียกว่า น้ำตาลเข้ม
ระดับ4 เรียกว่า น้ำตาลกลาง
ระดับ5 เรียกว่า น้ำตาลอ่อน
ระดับ6 เรียกว่า บรอนด์เข้ม
ระดับ7 เรียกว่า บรอนด์กลาง
ระดับ8 เรียกว่า บรอนด์อ่อน
ระดับ9 เรียกว่า บรอนด์อ่อนมาก
ระดับ 10-12 เรียกบรอนด์สว่างพิเศษ


- ส่วนตัวเลขที่อยู่หลังจุด . หรือ / ตัวที่1เรียกประกายสีหลัก เช่น
.0 คือประกายธรรมชาติ
.1 คือประกายหม่น ประกายเทา ash
.2 คือประกายม่วง
.3 คือประกายทอง
.4 คือประกายทองแดง
.5 คือประกายมะฮอกกานีหรือสีโค๊ก
.6 คือประกายแดง
.7 คือประกายน้ำเงินหรือประกายเขียว แล้วแต่ผลิตภัณท์นั้นๆ


- ตัวเลขที่อยู่หลังจุด . หรือ / ตัวที่ 2 จะเรียกว่าประกายรอง หรือ เหลือบ เช่น 5.45 คือน้ำตาลอ่อนประกายทองแดงเหลือบมะฮอกกานี
" เหลือบ " ในที่นี่คือเมื่อเราออกแดดหรือกระทบแสงจึงจะเห็นประกายเหลือบของสีนั้นๆ
แต่ในกรณีที่ประกายเป็นตัวลขเบิ้ลเช่น .44 หมายถึงประกายรองจะไปเน้นประกายหลักให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น 5.44 คือ น้ำตาลอ่อนประกายทองแดงจัด
ฉนั้นตัวเลขประกายจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากในการลบประกายเดิมหรือเปลี่ยนประกายใหม่หรือแม้กระทั่งเพิ่มประกายนั้นๆให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น


เมื่อเราเรียนรู้เรื่องระดับของสีผมและประกายสีผมแล้ว
จึงจำเป็นต้องรู้ทฤษฎีสีขั้นพื้นฐานในสมัยที่เราเรียนตอนเด็กๆอีกด้วย เพราะเราจะได้รู้ว่าสีต่างๆเมื่อผสมกันแล้วจะออกมาเป็นสีอะไร


ทฤษฎีสี ประกอบด้วย

สีขั้นที่ 1 คือ สีที่ไม่สามารถมีสีอะไรมาผสมกันแล้วได้สีนั้นๆ ได้แก่ สีเหลือง , สีแดง , สีน้ำเงินนั่นเอง



หลายคนคงมีคำถามว่า ........
อ้าวแล้วสีแฟชั่นทั้งหลายแหล่ที่ทำกันมันคืออะไรละ....
มันก็คือ แม่สีขั้นที่2 แล้วแม่สีขึ้นที่ 2 นั้นเกิดจากอะไร



แม่สีขั้นที่2ก็เกิดจากแม่สีขั้นที่ 1 จำนวน2สีผสมกันในปริมาณเท่าๆกัน ..... ได้แก่
แดง+เหลือง     เท่ากับ  ส้ม
น้ำเงิน+แดง     เท่ากับ  ม่วง
เหลือง+น้ำเงิน  เท่ากับ เขียว
ฉนั้น สีส้ม สีม่วง สีเขียว จึงเป็นสีขั้นที่ 2
แล้วถ้าเอาสีของแม่สีกับสีขั้นที่ 2 มาผสมกัน จะเกิดเป็นสีขึ้นอีก 6 สี เรียกว่า สีขั้นที่ 3 ได้แก่
1. สีน้ำเงินม่วง เกิดจาก สีน้ำเงิน ผสมสีม่วง
2. สีเขียวน้ำเงิน เกิดจาก สีน้ำเงิน ผสมสีเขียว
3. สีเหลืองเขียว เกิดจาก สีเหลือง ผสมกับสีเขียว
4. สีส้มเหลือง เกิดจาก สีเหลือง ผสมกับสีส้ม
5. สีแดงส้ม เกิดจาก สีแดง ผสมกับสีส้ม
6. สีม่วงแดง เกิดจาก สีแดง ผสมกับสีม่วง


ทฤษฎีสีและการผสมสีขั้นพื้นฐานก็รู้หมดแล้ว ถ้าสีเบอร์ใหนหมด เรามีแม่สีอยู่ก็สบายผสมเองได้เลย
สิ่งต่อไปเราก็จำเป็นที่จะต้องรู้เกี่ยวกับการหักล้างสีหรือฆ่าสีที่เราไม่ต้องการโดยใช้สีตรงกันข้าม หรือ สีกลาง
สีแบ่งเป็น2กลุ่มใหญ่ๆได้แก่ สีโทนร้อนกับสีโทนเย็น
สีโทนร้อนจะหักล้างหรือฆ่าสีโทนเย็น,สีโทนเย็นจะหักล้างสีโทนร้อน ซึ่งเรียกว่า การหักล้างกันของสี หรือทำให้สีเป็นกลาง
การเป็นช่างทำผมที่ดีต้องมีความรู้ในเรื่องของระดับสีผมและโทนสี เพราะเป็นสิ่งจำเป็นในการเปลี่ยนสีจากโทนร้อนเป็นโทนเย็น จากโทนเย็นเป็นโทนร้อน
แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าสีนี้คือสีโทนร้อนหรือเย็น....



สีโทนร้อน คือสีที่มีส่วนผสมของสีเหลือง,แดง หรือ ส้ม เป็นหลัก ได้แก่ แดง,แดง-ส้ม,ส้ม,เหลือง-ส้ม,เหลือง
สีโทนเย็น คือสีที่มีส่วนผสมของสีน้ำเงิน,เขียว หรือ ม่วง เป็นหลัก ได้แก่ ม่วง,น้ำเงิน-ม่วง,น้ำเงิน,น้ำเงิน-เขียว,เขียว
สำหรับ แดง-ม่วง กับ เหลือง-เขียว จัดเป็นสีผสม
ทีนี่เราก็รู้แล้วว่าสีอะไรคือสีโทนร้อนหรือสีโทนเย็น
และเมื่อเราดูจากชาร์จจะเห็นได้ว่า สีโทนร้อนกับสีโทนเย็นจะอยู่กันคนละฝั่งตรงข้ามกัน
ฉนั้นสีที่อยู่ตรงข้ามกันในชาร์จสามารถหักล้างซึ่งกันและกัน ซึ่งเรียกว่า การหักล้างกันของสีนั่นเอง


แล้วสีกลางคืออะไร....
ต้องย้อนกลับไปที่ทฤษฎีสีขั้นที่ 1 คือ สีเหลือง แดง น้ำเงิน ถ้าเรานำทั้ง 3 สีมาผสมในปริมาณที่เท่ากัน
เราจะได้สีเทากลาง หรือ บางคนเรียกว่า Muddy Color หรือสีโคลน สีเน่าก็แล้วแต่
แต่ถ้าผสมในปริมาณที่ไม่เท่ากันจะได้สีน้ำตาลแทน

สีกลาง เป็นสีที่เข้าได้กับสีทุกสี
สีน้ำตาลมีคุณสมบัติสำคัญ คือ ใช้ผสมกับสีอื่นแล้วจะทำให้สีนั้น ๆ เข้มขึ้นโดยไม่เปลี่ยนแปลงค่าสี แต่ถ้าผสมมาก ๆ เข้าก็จะกลายเป็นสีน้ำตาล
สีเทา มีคุณสมบัติที่สำคัญ คือ ใช้ผสมกับสีอื่น ๆ แล้วจะทำให้ลด Saturation หรือค่าความสดของสีลงหรือออกหม่นนั่นเอง เช่น
ถ้าพื้นผมลูกค้าสีผมเหลืองประกาทองแล้วอยากเปลี่ยนเป็นสีธรรมชาติ
วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ นำสีที่เหลือคือสีตรงข้ามสีเหลือง ได้แก่ แดงกับน้ำเงินมาผสมกันจะได้สีม่วง
ฉนั้นเราจะใช้สีที่มีประกายสีม่วงหรือแม่สีม่วงเพื่อฆ่าประกายสีเหลืองทองของลูกค้า
ส่วนถ้าลูกค้าทำสีผมออกประกายแดงมาแล้วไม่อยากได้ประกายแดงแต่อยากได้แบบธรรมชาติ ให้เอาสีตรงข้ามคือ สีเหลืองกับสีน้ำเงินผสมกันจะได้สีเขียว ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับสีแดง
( ดูในวงจรสี ) ฉนั้นให้ใช้สีที่มีประกายเขียวหรือแม่สีเขียวฆ่าประกายแดงให้หมดไปได้


ระดับสีผม การผสมสี การหักล้างสีที่ไม่ต้องการก็พอรู้กันไปละ แต่ยังมีอีกหลายตัวแปรที่ทำให้การทำสีผมไม่ประสบผลสำเร็จ เช่น เม็ดสีแฝงในเส้นผมของคนเอเซีย ความหนาแน่นของเม็ดสีในผมเส้นเล็กและเส้นใหญ่ตลอดจนการเลือกใช้ไฮโดรเจนให้ถูกต้อง



มาทำความรู้-ความเข้าใจการใช้ไฮโดรเจนเบื้องต้นกันก่อนดีกว่า.....
เพื่อเป็นช่างเสริมสวยอย่างมืออาชีพ จำเป็นอย่างยิ่งต้องทำความเข้าใจถึงการทำงานของเคมีที่เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนสีผม
ซึ่งมีอันตรายหรือต้องมีการควบคุม โดยต้องใช้ผู้ที่เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ หรือผ่านการเรียนรู้ ผ่านการทดสอบเป็นอย่างดี
ไฮโดรเจน หรือเรียกชื่ออื่นว่า Hydrogen dioxide , hydroperoxide , Albone ,Hioxyl
CAS No. 7722-84-1
สูตรโมเลกุล H2O2
น้ำหนักโมเลกุล 34.02
จุเดือดอยู่ที่ 152 องศาเซลเซียส
คุณสมบัติ : ของเหลวที่ไม่คงตัว ไม่มีสี มีรสขม มักทำอยู่ในรูปแบบสารละลายในน้ำความเข้มข้น 3-90%
กฎหมายควบคุม : จัดเป็นวัตถุอันตรายชนิด1 ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535
ปฏิกิริยาการสลายตัวของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์(H2O2 )
ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ เป็นสารใช้ฟอกสีผมและฆ่าเชื้อโรค โดยปกติจะสลายตัวไปเองอย่างช้า ๆ ให้น้ำและออกซิเจนเกิดขึ้น
ดังสมการ
2H2O2 (aq) ® 2H2O(l) + O2(g)
แสงสว่างและความร้อนจะช่วยเร่งให้เกิดการสลายตัวเร็วขึ้
ดังนั้นจึงต้องเก็บไว้ในที่มืด หรือในภาชนะสีน้ำตาลเข้ม และในที่เย็น
ไฮโดรเจนทำงานร่วมกับสีผมอย่างไร
- สีออกซิเดชั่น (Colorant) หรือสีพารา เป็นครีมหรือของเหลวบรรจุลงในหลอด ซึ่งมีโมเลกุลขนาดเล็ก
มีแอมโมเนียเป็นส่วนผสมหลักเพื่อให้มีสภาพเป็นกรด-เป็นด่าง ความเข้มข้นอยู่ที่ 8-11
ความเป็นด่างของแอมโมเนียนี้มีคุณสมบัติทำให้เส้นผมชั้นนอกบวมและพองขึ้นมาก
เมื่อบวกกับส่วนผสมของสารลดแรงตึงผิวจะทำให้สีซึมเข้าไปสู่เส้นผมได้อย่างเต็มที่
ทั้งนี้หากสีออกซิเดชั่นมีความเป็นด่างมากก็จะทำลายส่วนชั้นนอกของเส้นผมบางส่วน ทำให้ผมหยาบ กระด้างได้
ซึ่งในปัจจุบันผู้ผลิตย์ครีมเปลี่ยนสีผมหลายๆแบรนด์ได้หันมาใช้สารตัวอื่นทดแทนแอมโมเนีย
ซึ่งจะไม่ทำร้ายเส้นผมและผิวหนังแต่ยังคงสามารถเปิดเกร็ดผมและนำพาเม็ดสีเข้าไปสู้เส้นผมชั้นในได้ดีอีกด้วย
-น้ำยาโกรก (Developer) หรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
มีลักษณะเป็นครีมหรือของเหลวใส ซึ่งส่วนใหญ่นิยมใช้ขนาด 6%
เพราะหากไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์มากกว่า 6% จะทำให้ผมแห้ง อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองที่หนังศีรษะได้
แต่ถ้าไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์น้อยกว่า 6% ก็จะไม่สามารถออกซิไดซ์สีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่ในปัจจุบันมีผู้ผลิตย์หลายๆแบรนด์ได้พัฒนาไฮโดรเจนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและเป็นอันตรายต่อเส้นผมและผิวหนังน้อยลงหรือจนถึงไม่เป็นอันตรายเลย
เมื่อทำความรู้-ความเข้าใจการใช้ไฮโดรเจนเบื้องต้นกันแล้ว
เดี๋ยวมาทำความเข้าใจพลังของไฮโดรเจนที่มีผลต่อการเปลี่ยนสีผมให้ลึกกว่าเดิมกันดีกว่า



พลังของไฮโดรเจนที่มีความสำคัญมากต่อการยกระดับสีผม และ อัตรส่วนในการผสมไฮโดรเจนก็มีความสำคัญเช่นกัน
โดนทั่วไปนั้นไฮโดรเจนจะแบ่งออกได้เป็น 4 ระดับ คือ
- 10 วอลลุ่มหรือ 3 % หน้าที่ของมันคือเคลือบผม ไม่สามารถยกระดับความสว่างของสีผมได้ ใช้สำหรับเพิ่มประกายสีผม เหมาะกับเส้นผมที่ผ่านการทำสีผมมาแล้วแล้วต้องการที่จะเพิ่มประกายสีผมหรือลดประกายสีผมนั่นเอง
- 20 วอลลุ่มหรือ 6% หน้าที่หลักคือใช้สำหรับปิดผมหงอกและเพิ่มระดับความสว่างในผมเส้นใหญ่หรือผมธรรมชาติได้ 1 ระดับ
และเพิ่มระดับสีผมได้ 2 ระดับในผมเส้นเล้กหรือเส้นผมผ่านการทำสีมาแล้ว อีกทั้งยังสามารถลดระดับความสว่างของสีผมลงมาได้อีกด้ว
และเพิ่มระดับสีผมได้ 2 ระดับในผมเส้นเล้กหรือเส้นผมผ่านการทำสีมาแล้ว อีกทั้งยังสามารถลดระดับความสว่างของสีผมลงมาได้อีกด้ว
และเพิ่มระดับสีผมได้ 2 ระดับในผมเส้นเล้กหรือเส้นผมผ่านการทำสีมาแล้ว อีกทั้งยังสามารถลดระดับความสว่างของสีผมลงมาได้อีกด้ว
- 30 วอลลุ่มหรือ 9% สามารถเพิ่มระดับความสว่างของสีผมได้ 2-3 ระดับ 2ระดับในผมเส้นใหญ่หรือผมธรรมชาติ 3ระดับในผมเส้นเล็กหรือผมผ่านการทำเคมีมาแล้ว
- 40 วอลลุ่มหรือ 12% สามารถเพิ่มความสว่างของเส้นผมได้ 3-4 ระดับ 3ระดับในผมเส้นใหญ่หรือผมธรรมชาติ 4ระดับในผมเส้นเล็กหรือผมผ่านการทำเคมีมาแล้ว
ยกตัวอย่างเช่น
ถ้าผมลูกค้าเป็นผมเส้นใหญ่เคยทำสีผมมาแล้ว ความสว่างของพิ้นสีผมอยู่ประมาณระดับ 5 คือระดับน้ำตาลอ่อน
แล้วมีโคนงอกใหม่ขึ้นมา 1 เซนติเมตร แต่ลูกค้าอยากจะเพิ่มความสว่างของพื้นสีผมให้ได้ระดับ 7
ฉนั้นไฮโดรเจนที่เราจะเลือกใช้ตรงบริเวณผมงอกใหม่นั้น
เราจะใช้ระดับสีที่ลูกค้าต้องการผสมกับไฮโดรเจน 9%หรือ 30วอลลุ่ม ในการเติมผมลูกค้าที่งอกใหม่ขึ้นมา 1 เซนติเมตร
ส่วนพื้นผมที่ผ่านเคมีมาแล้วที่อยู่ในระดับ5นั้น เราอาจจะใช้ไฮโดรเจน 6%หรือ 20 วอลลุ่ม ผสมกับสีผมระดับใหม่ที่ลูกค้าต้องการ
อย่างในเคสนี้ให้เราจะทำการเติมสีในบริเวณเส้นผมที่งอกใหม่ก่อน
ทิ้งระยะเวลประมาณ 20 นาทีเพื่อที่จะให้ไฮโดรเจนยกระดับสีผมก่อนแล้วทำการฝังเม็ดสีลงไป( แล้วแต่ผลิตภัณท์นั้น )
ซึ่งโดยทั่วไป 15 นาทีแรก จะเป็นเรื่องของการยกระดับความสว่างของสีผม 15 นาทีหลังจะเป็นการฝังเม็ดสีผมลงไป
จากนั้นก็ค่อยลงสีบริเวณที่เส้นผมเคยผ่านการทำเคมีมาก่อน ทิ้งตามเวลาผลิตภัณท์นั้นๆ แล้วจึงไปล้างออกด้วยน้ำสอา
*** ช่างที่ไม่มีความรู้เรื่องการทำสีผมอย่างลึกซึ้ง เวลาลงสีที่โคนผมแล้วยังไม่ได้เวลาที่เม็ดสีจะทำการฝังตัว
ก็จะรู้สึกว่าโคนผมนั้นสีสว่างเว่อก็จะรีบนำผมไปล้างออก ซึ่งจริงๆแล้วเม็ดสีที่ต้องการยังไม่ทำการฝังตัวเลย
แค่กำลังยกระดับความสว่างเท่านั้นเอง *****
ส่วนอัตราการผสมระหว่างไฮโดรเจนกับครีมเปลี่ยนสีผมนั้นให้ศึกษากับผู้ผลิตย์ครีมเปลี่ยนสีผมนั้นให้ดี
เพราะอัตราส่วนในการผสมสีแต่ละยี่ห้อจะแตกต่างกัน และมีผลต่อการทำให้สีนั้นออกมาเพี้ยนได้
ยกตัวอย่าง เช่น
ครีมเปลี่ยนสีผมบางยี่ห้อใช้อัตราส่วนผสม 1:1 นั่นหมายความว่า
ถ้าเราใชครีมเปลี่ยนสีผมปริมาณ 60 ml เราก็จะต้องใช้ไฮโดรเจนในปริมาณ 60 mlเช่นกัน
บางยี่ห้อใช้อัตราส่วน 1: 1.5 นั่นหมายความว่า ถ้าเราใช้ครีมเปลี่ยนสีผม 60 ml เราจะต้องใช้ไฮโดรเจนในการผสม 90 ml นั่นเอง
และควรใช้เครื่องชั่งน้ำหนักในการคำนวนปริมาณในการผสมสีกันด้วยนะจ้า
จะได้สีที่ออกมาไกล้เคียงหรือถูกต้องมากที่สุด



ระดับพื้นสีผมธรรมชาติ และเม็ดสีแฝง
เส้นผมของแต่ละคนได้สีธรรมชาติมาจากเม็ดสี (pigment) ที่เรียกว่า “เมลานิน (melanin)”
เมลานินในคนนั้นถูกสร้างมาตั้งแต่ก่อนเกิดเสียอีก สีตามธรรมชาติของเส้นผมนั้นจึงขึ้นอยู่กับ การกระจายตัวและปริมาณเม็ดสีเมลานินในชั้นกลางของตัวเส้นผมหรือเรียกชั้นนี้ว่า คอร์เทกซ์ (cortex)


เม็ดสีผมนั้นมี 2 ชนิด คือ เม็ดสีเข้ม เรียกว่า ยูเมลานิน (eumelanin) และเม็ดสีอ่อน เรียกว่า ฟีโอเมลานิน (pheomelanin) ซึ่งเม็ดสีทั้ง 2 ชนิดเมื่อผสมกันแล้วจะได้เฉดสีผมที่หลากหลาย
การฟอกหรือทำสีผมในผมธรรมชาติ เม็ดสีแฝงในเส้นผมชั้นกลาง จะแสดงออกมา ตามระดับพื้นผมแต่ละระดับ ถ้าไม่หักล้างเม็ดสีแฝง จะทำให้การทำสีผมไม่ได้ผลลัพตามต้องการ
ถ้างั้นเรามาดูในแต่ระดับความสว่างกันดีกว่าว่าเราจะเจอเม็ดสีแฝงอะไรบ้าง ( ไม่รวมเส้นผมที่เคยผ่านการทำสีมาแล้วซึ่งเม็ดสีของครีมเปลี่ยนสีผมนั้นๆยังฝังหลงเหลืออยู่ )


ระดับ 10 บลอนด์อ่อนมากที่สุด - เม็ดสีแฝง คือ เหลืองอ่อนมาก
ระดับ 09 บลอนด์อ่อนมาก - เม็ดสีแฝง คือ เหลืองอ่อน
ระดับ 08 บลอนด์อ่อน - เม็ดสีแฝง คือ เหลือง
ระดับ 07 บลอนด์ - เม็ดสีแฝง คือ เหลืองส้ม
ระดับ 06 บลอนด์เข้ม - เม็ดสีแฝง คือ ส้มเหลือง
ระดับ 05 น้ำตาลอ่อน - เม็ดสีแฝง คือ ส้ม
ระดับ 04 น้ำตาล - เม็ดสีแฝง คือ แดงส้ม
ระดับ 03 น้ำตาลเข้ม - เม็ดสีแฝง คือ แดง
ระดับ 02 น้ำตาลดำ - เม็ดสีแฝง คือ แดง
ระดับ 01 ดำ - เม็ดสีแฝง คือ แดง

ในเมื่อเรารู้แล้วว่าเราจะเจอเม็ดสีแฝงอะไร ก็ให้เรานำทฤษฎีการหักล้างสีผมมาใช้ได้เลยเพื่อไปกดเม็ดสีแฝงนั้นๆที่เป็นตัวแปลอย่างนึงที่ทำให้สีเพี้ยน เช่น
1. เหลือง - หักล้างด้วย - ม่วง
2. เเดง - หักล้างด้วย - เขียว
3. น้ำเงิน - หักล้างด้วย - ส้ม เป็นต้น
ยกตัวอย่างปริมาณที่ใช้สีที่จะหักล้างที่มีประกายจัดให้ใช้แม่สี ที่จะหักล้าง 1/8 หลอด กับสีแฟชั่น 2 หลอด
ถ้าสีที่จะหักล้างมีประกายซีดจางให้ใช้แม่สี ที่จะหักล้าง 2-3 หน้าแปรง กับสีแฟชั่น 2 หลอด ( ขึ้นอยู่กับปริมาณเม็ดสีของครีมเปลี่ยนสีผมนั้นๆด้วย )

ปัญหาต่อมาที่ต้องเจอคือ " ผมเส้นเล็กผมเส้นใหญ่ "


กดที่รูปด้านบนเพื่อดูต่อได้เลย


10 วิธี !! ทำลอนผมลอนเกาหลี ให้สวยแพง หร... 12 Jan 2020

10 วิธี !! ทำลอนผมลอนเกาหลี ให้สวยแพง หรูสุดๆ

อ่านทั้งหมด
Hilift hair building fibres ผงไฟเบอร์เพิ... 27 Aug 2022

Hilift hair building fibres ผงไฟเบอร์เพิ่มผมหนา ปิดแสก ปิดผมบางผมขาว

อ่านทั้งหมด

We use cookies on our websites to deliver our online services. Details about how we use cookies and how you may disable them are set out in our Privacy Statement. By using this website you agree to our use of cookies. Privacy Policy | Terms & Conditions